E-Commerce แนวทางเลือกสินค้าขายทางเว็บ

แนวทางเลือกสินค้า

คำถามที่มักได้ยินบ่อยๆจากผู้คนรอบข้างก็คือว่า อยากมีเว็บไซต์ อยากทำเว็บไซต์ แต่ไม่รู้จะขายอะไรดีในอินเตอร์เน็ท เป็นคำถามที่หลายๆคนตอบไม่ได้ อาจเนื่องจากว่าไม่มีไอเดีย ไม่มีความรู้ด้านการทำธุรกิจบนอินเตอร์เน็ท หรือ ไม่มีเวลา หรือ กระทั่งไม่เคยใช้อินเตอร์เน็ทมาก่อน แต่ก็มีความสนใจและตื่นตัวเนื่องจากผู้คนรอบข้าง สื่อมวลชน ภาครัฐบาล กล่าวถึงและให้การสนับสนุนสื่ออินเตอร์เน็ท ผ่านทีวีและสื่อต่างๆแทบทุกวัน

คำตอบที่หลายคนอาจคาดไม่ถึงที่ผมจะแนะนำก็คือว่า ขายอะไรก็ได้ ก็เหมือนที่ผู้คนทั่วไปเค้าขายกันนั่นแหละครับ โดยดูเว็บไซต์ต่างๆให้เยอะๆเข้าไว้ ไม่ว่าจะเป็น หนังสือ ซีดีรอม ของสะสม ดอกไม้ ของตกแต่งบ้าน ฯลฯ แต่ควรจะเป็นสินค้าที่เรามีความรู้ความเข้าใจในตัวสินค้าหรือบริการเป็น อย่างดี หรือถ้าไม่อย่างนั้น เราก็ควรศึกษาหาความรู้ในตัวสินค้าหรือบริการที่เราจะขายหรือให้บริการ ไม่ว่าจะสืบค้นมาจากอินเตอร์เน็ท กระทู้ เว็บบอร์ด ร้านหนังสือ ห้องสมุด ผู้คนรอบข้าง หรือเพื่อนๆออนไลน์ หรือแม้กระทั่งเจ้าของเว็บไซต์ ซึ่งบางคนมอบมิตรภาพที่ดีอย่างเหลือเชื่อโดยการแนะนำให้ข้อมูลที่เราต้องการ อย่างที่เรานึกไม่ถึงทีเดียว

อย่ามัวแต่นั่งคิด นั่งตอบผู้คนรอบข้างว่า ไม่รู้จะขายอะไรดี บนอินเตอร์เน็ท แค่หัดสังเกตว่าผู้คนเค้าขายอะไรเราก็ขายตามๆเค้าไปนั่นแหละครับ ทุกตลาดล้วนมีช่องว่างทางการตลาดของตัวเอง เพียงแต่เราเข้าไปค้นหาและเติมเต็มช่องว่างของการตลาดช่องนั้น โดยอาศัยความสังเกต และความขยันหมั่นเพียร อย่างเช่น คุณอาจขายดอกไม้ โดยเปิดธุรกิจร้านดอกไม้ออนไลน์ก็ได้ ซึ่งทุกวันนี้มีการแข่งขันกันอย่างมากมาย และถือว่าได้รับความนิยมมากบนโลกอินเตอร์เน็ท ทุกๆเว็บไซต์ที่จำหน่ายดอกไม้ มักจะมีสินค้าหลักตัวเดียวกันก็คือ ดอกไม้แบบต่างๆ เช่น รับจัดช่อดอกไม้, รับตกแต่งสถานที่ด้วยดอกไม้, พวงหรีดงานศพ

หรืออื่นๆที่เกี่ยวกับดอกไม้ คุณเองก็สามารถเปิดร้านขายดอกไม้บนโลกไซเบอร์ได้ (อย่างที่แนะนำในเบื้องต้นว่า ขายเหมือนที่คนอื่นขายกันนั่นแหละครับ) เพียงแต่ คุณอาจจะเจาะจงโดยเฉพาะไปด้านใดด้านหนึ่ง อาทิเช่น จำหน่ายเฉพาะพวงหรีดสำหรับงานศพ เท่านั้น หรือ รับจัดดอกไม้งานแต่งงานหรืองานเปิดตัวสินค้าต่างๆ เท่านั้น วิธีการทำตลาดแบบนี้เรียกว่าการเจาะตลาดแบบเฉพาะกลุ่ม (Niche market) เพราะผมเชื่อว่าผู้ที่ต้องการสินค้าเฉพาะอย่างยังมีอีกเป็นจำนวนมาก ที่ไม่อยากเสียเวลาไปกับการดูสินค้าหรือบริการที่ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ ที่ต้องการหา และผมเชื่อว่าคุณจะขายของได้อย่างสำเร็จแน่นอนบนโลกอินเตอร์เน็ท และขณะเดียวกันก็สามารถตอบคำถามที่ว่า จะขายอะไรดีบนอินเตอร์เน็ท

  1. สินค้าราคาถูกว่าท้องตลาด
    หากคุณสามารถหาแหล่งสินค้าราคาถูกกว่าท้องตลาด นั้นหมายถึงความได้เปรียบการขาย เพราะด้วยราคาที่ถูกกว่า นั้นจะช่วยทำให้ผู้ซื้อสนใจและจดจำร้านค้าคุณได้ รวมถึงการบอกต่อไปยังคนอื่นๆ ได้อีกด้วย แต่หากคุณขายสินค้าผ่านอินเทอรเน็ตหรือเว็บไซต์เป็นหลัก คุณก็สามารถลดต้นทุนไปได้มากแล้ว เพราะไม่ต้องมาเสียค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าจ้างพนักงาน เพราะคุณสามารถทำเองได้หมด ทำให้ไม่จำเป็นต้องตั้งราคาสูงเท่ากับร้านค้าทั่วไป หรือบางคนอาจจะรู้แหล่งสินค้าราคาถูก ในท้องถิ่นของคุณซึ่งหากสินค้าชิ้นนั้นไปขายที่อื่น ก็จะสามารถขายได้ราคาดีกว่า เช่น คุณอาจจะอยู่จังหวัด ขอนแก่น ใกล้แหล่งผ้าไหม คุณก็อาจจะเปิดร้านขายผ้าไหมรวดลายพิเศษ หายาก ผ่านเว็บไซต์ไปยังทั่วประเทศและต่างประเทศก็ได้ นี้คือตัวอย่างคร่าวๆ ทีนี้ก็ลองมานึกดูสิครับ ว่าใกล้ๆ ตัวคุณมีแหล่งสินค้าราคาถูกอะไรบ้าง ที่สามารถนำมาขายได้
  2. สินค้าเฉพาะกลุ่ม
    สินค้าที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) โดยไม่ได้เน้นไปที่กลุ่มลูกค้ากลุ่มคนทั่วไป (Mass Market) เช่น สินค้าสำหรับคนอ้วน,  สินค้าสำหรับคนท้อง, สินค้าสำหรับแม่, สินค้าสำหรับเจ้าสาว-คู่แต่งงาน, สินค้าสำหรับเกย์ หรือกระเทย เป็นต้น ซึ่งการที่เราจับกลุ่มลูกค้าโดยเฉพาะกลุ่ม จะทำให้เราสามารถเจาะและเข้าถึงลูกค้าเฉพาะได้ง่ายมาก หากลุ่มลูกค้าได้ง่าย ลูกค้าจดจำคุณได้ง่าย และนั้นหมายถึงโอกาสการขายก็มีมากกว่าการที่เราไปเปิดเว็บไซต์ขายของเหมือนคนทั่วไป ตลาดกลุ่มนี้จะเป็นตลาดเฉพาะ กลุ่มอาจจะไม่ใหญ่มาก แต่ถ้าคุณจับและเข้าถึงได้แล้วละก็ ยอดขายน่าจะมีเข้ามาอย่างต่อเนื่องครับ
  3. สินค้า "ไม่" ยอดนิยม
    ลองหาสินค้า ที่ "ไม่ค่อยนิยม" ลองมาขายดู เพราะส่วนใหญ่ เว็บไซต์ต่างๆ ชอบขายสินค้าที่ "นิยม" ซึ่ง ทำให้เกิดการแข่งขันในสินค้าประเภทนี้มาก ทำให้โอกาสสินค้าของคุณจะเป็นที่รู้จัก เป็นได้ยาก แต่หากคุณเน้นไปที่ สินค้าไม่เด่น ก็จะทำให้เว็บไซต์ ของคุณเป็นที่รู้จักได้ง่ายกว่า เช่น เปิดเว็บไซต์ ขายเทปเพลงเก่า พระเครื่อง รุ่นที่ไม่ค่อยมีคนนิยม
  4. สินค้าไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน
    สินค้าบางอย่างผู้ซื้อไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน เพราะอาจจะมีความอาย หรือไม่ต้องให้ผู้ขายรู้จักหรือเห็นหน้า ดังนั้นการซื้อผ่านเว็บไซต์ หรืออินเทอร์เน็ต ดูจะเป็นช่องทางที่หลายๆ คนเลือกใช้ ในการซื้อสินค้าลักษณะนี้ เช่น สินค้าเกี่ยวกับเรื่องเพศ ถุงยางอนามัย, อุปกรณ์หรือเครื่องมือต่างๆ, ชุดชั้นใน Sexy เป็นต้น
  5. สินค้ามีสไตล์เฉพาะตัว (Unique)
    หากสินค้า หรือบริการของคุณ มีความเฉพาะตัว แตกต่าง ไม่เหมือนใคร (Unique) ก็สามารถขายได้ดีเช่นกัน เพราะลูกค้าไม่สามารถหาซื้อที่อื่นๆ ได้นอกจากของคุณเท่านั้น เช่น เสื้อผ้า ลายผ้า ที่มีดีไซน์เฉพาะตัว, สินค้า Handmade ประเภทต่างๆ แต่ต้องสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ว่าสินค้าของเราเป็นของดี มีคุณภาพ เพราะสินค้าลักษณะนี้ ส่วนใหญ่ลูกค้าจะไม่รู้จักมาก่อน หรือไม่มีมาตรฐานที่แน่นอน ดังนั้นการสร้างความน่าเชื่อถือ การทำให้ลูกค้ามั่นใจ และการให้รายละเอียดสินค้าที่เพียงพอ ครบถ้วน เช่นการมีรูปภาพเยอะๆ การให้รายละเอียดหรือคำอธิบายสินค้าเยอะๆ หรือมี VDO อธิบายสินค้า ดูน่าจะเป็นวิธีที่จะช่วยทำให้ลูกค้ามั่นใจ และซื้อสินค้าลักษณะนี้ได้ไม่ยาก
  6. สินค้าที่มีน้ำหนักเบาการขายสินค้าที่มีน้ำหนักเบา   จะได้มีความได้เปรียบ ในด้านการส่งสินค้าให้ลูกค้า เพราะจะส่งได้ง่ายกว่า ประหยัดกว่า โดยเฉพาะสินค้าที่มีขนาดเล็กๆ แต่มีราคา เช่น มีหลายคนๆ ขายสแตมป์เป็นชุด บางชุดมีราคาหลายพันบาทเลย ส่งง่ายเพราะแค่สอดเข้าซองจดหมายก็ส่งได้แล้ว ดังนั้นสินค้าบางอย่างที่มีน้ำหนักเบา มีราคาสูง ก็อาจจะช่วยทำให้การค้าขายมีกำไรได้มาก แต่อาจจะต้องให้ความสำคัญกับการขนส่งสินค้าที่มีการลงทะเบียนที่จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อได้เช่นกัน
  7. สินค้าที่มีเรื่องราว
    สินค้าหรือของที่มีเรื่องราว มีประวัติประกอบด้วย จะทำให้สินค้าชิ้นนั้นๆ มีความน่าสนใจมากขึ้น เช่น ผมอาจจะขาย เครื่องปั้นดินเผา แต่ผมก็มีให้ข้อมูลและประวัติของ เครื่องปั้นดินเผาแต่ละชุดที่ผมขาย เป็นแบบจำลองมาจาก เครื่องปั้นดินเผาสมัยสุโขทัย มีประวัติยาวนาน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะแจ้งในเว็บไซต์ และแพ็กเกจที่ส่งไปให้ลูกค้า ซึ่งจะทำให้ เครื่องปั้นดินเผาอันนี้มีมูลค่ามากกว่า เครื่องปั้นดินเผาธรรมดาๆ ที่ขายอยู่ทั่วไป นี้คือข้อดีของสินค้าที่มีเรื่องราวอยู่ด้วย
  8. สินค้าที่หายาก
    สินค้าที่หายากย่อมมีคนต้องการ แต่เนื่องจากเทคโนโลยี อินเทอร์เน็ต ทำให้การเข้าถึงข้อมูลต่างๆ เป็นไปได้ง่าย ดังนั้นหากคุณขายสินค้าที่หายาก และทำให้คนสามารถหาเจอได้ง่ายๆ ในอินเทอร์เน็ต เช่น.คน ค้นหา (search) เจอได้ง่ายโอกาสการขายก็เป็นไปได้ง่ายๆ ยกตัวอย่างสินค้า เช่น พระเครื่องเก่าๆ, ของเก่า-ของสะสม ประเภทต่างๆ เป็นต้น
  9. สินค้าที่สามารถ ทำด้วยตัวเอง (Do it yourself – DIY)
    หลายๆ คนชอบซื้อสินค้าที่สามารถซื้อไปแล้ว ไปทำเองได้ เช่น ชุดทักโครเช่, ชุดทำอาหารง่ายๆ, อุปกรณ์แต่งบ้าน ต่างๆ เป็นต้น ซึ่งสินค้าที่เป็นลักษณะ ทำด้วยตัวเอง มักจะเป็นสินค้าที่ ฝรั่งชอบนิยมซื้อไปติดตั้งหรือทำด้วยตัวเอง